"เราจะฝึกจิตใจ ๒ อย่าง
อันหนึ่ง ให้จิตใจมีความสงบสุข มันจะได้มีกำลัง
อีกอันหนึ่ง ก็คือฝึกจิตใจให้เกิดปัญญา
จิตใจจะมีปัญญาได้ ต้องมีสมาธิชนิดที่เรียกลักขณูปนิชฌาน
ต้องฝึกให้จิตตั้งมั่นเป็นคนดูให้ได้
ส่วนจิตใจที่สงบสุข ใช้อารัมมณูปนิชฌาน
สงบอยู่ในอารมณ์อันเดียว เป็นสมถะกรรมฐาน
งั้นอันหนึ่งเป็นเป็นสมถะกรรมฐาน
อันหนึ่งเป็นเป็นวิปัสสนากรรมฐาน"

-- พระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซีดีแผ่นที่ ๗๔ ไฟล์ 610203A

CD 74

พัฒนาจิตใจตัวเอง :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๓ ก.พ. ๒๕๖๑ (610203A)

"กรรมเป็นตัวชี้ขาด ใครก็ช่วยเราไม่ได้
ฉะนั้นต้องช่วยตัวเอง
กรรมชั่วไม่ทำ กรรมดีทำไว้
ฝึกจิตให้ผ่องแผ้วไปเรื่อยๆ
ผ่องแผ้วด้วยสมถะ มันก็ผ่องแบบหนึ่ง
ผ่องแผ้วด้วยวิปัสสนา ก็แบบหนึ่ง
ผ่องแผ้วด้วยมรรคด้วยผล ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง
ไม่เหมือนกัน ค่อยๆ ฝึก"


พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซีดีแผ่นที่ ๗๔ ไฟล์ 610203B

ตายแล้วไปไหน :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๓ ก.พ. ๒๕๖๑ (610203B)

"จุดที่ยากที่สุดของการภาวนา
คือ การฝึกจนกระทั่งเราได้จิตใจที่อยู่กับตัวเอง
ถ้าฝึกได้จิตใจชนิดนี้แล้ว คือจิตที่มีสมาธิที่ถูกต้องแล้ว
จิตก็เรียนรู้ความจริงของกายของใจเรื่อยๆ ไป
ถึงวันหนึ่งมันก็รู้จริง
พอรู้จริงรู้แจ้ง มันก็จะเข้าใจ แล้วมันจะวาง"


-- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ซีดีแผ่นที่ ๗๔ ไฟล์ 610210B

ฝึกจิตใจให้อยู่กับตัวเอง :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๑๐ ก.พ. ๒๕๖๑ (610210B)

ธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก
แค่เราคอยรู้ทันใจของตัวเอง
ใจเรามีความสุข เราก็รู้
ใจเรามีความทุกข์ เราก็รู้
ใจเฉยๆ เราก็รู้
โดยเฉพาะ สุข ทุกข์ ตัวสำคัญ
เวลาความสุขเกิดขึ้น ถ้าเราไม่รู้ทัน เราก็จะหลงเพลิน
พอความสุขหายไป เราก็เศร้าโศก
พอความทุกข์เกิดขึ้น เรารู้ไม่ทันใจที่เกลียดความทุกข์
ใจก็จมอยู่กับความทุกข์ ดิ้นรน

ความสุข ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ ยังไงก็ผ่านมาบ้าง
ความทุกข์ เราก็ปฏิเสธไม่ได้ ยังไงมันก็ต้องผ่านมาบ้าง
ถ้าเราเห็นมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เห็นบ่อย ๆ
เราจะไม่หลงยินดียินร้ายกับมัน
ความสุขเกิดขึ้น เราก็ไม่หลงยินดี ใจก็เป็นกลางกับความสุข
เพราะเรารู้ว่า ความสุขอยู่ไม่นานก็หายไป
พอใจมันเป็นกลางกับความสุข ใจมันจะไม่หิวโหยความสุข

ทุกวันนี้ที่เราดิ้นรน เหนื่อยยากมากมายในชีวิตเรานี้
เพราะเราดิ้นรนหาความสุข ดิ้นรนหนีความทุกข์
ถ้าเมื่อไรเราสามารถเห็นว่า 
ความสุขมันของชั่วคราว ความทุกข์ก็ของชั่วคราว 
ใจมันจะเข้าสู่ความเป็นกลาง มันจะไม่ดิ้นรน
ใจที่เป็นกลาง มีความสุข มีความอิ่มเอิบอยู่ในตัวเอง


-- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ไฟล์ 610225A ซีดีแผ่นที่ ๗๕

CD 75

ธรรมะไม่ยาก :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๒๕ ก.พ. ๒๕๖๑ (610225A)

"เราสนใจการปฏิบัติ 
ไม่ใช่แค่การเจริญสติ เจริญปัญญาอย่างเดียว
ความชั่วทั้งหลายต้องละ 
ความดีทั้งหลายก็ทำ
และฝึกจิตของเรา

งานฝึกจิตมี ๒ อัน คือ ทำสมถะ กับทำวิปัสสนา
แต่ถ้าความชั่วไม่ละ ความดีอื่นก็ไม่เจริญเลย
มุ่งแต่ทำสมถะ วิปัสสนาอย่างเดียว ลำบากเหมือนกัน
ยิ่งถ้าความชั่วไม่ละ ไม่ทางบรรลุมรรคผลหรอก

เราสำรวจตัวเอง 
ไม่มีใครเตือนเราได้ดีเท่าเราเตือนตัวเอง
เตือนตัวเอง ดู สำรวจ
อะไรที่ย่อหย่อน อะไรที่ไม่ดี
ละเสีย เลิก ไม่ทำ
จะมารู้อย่างเดียว แต่ว่าทำชั่วไปเรื่อยๆ ไม่มีทาง
สิ่งที่ดีก็ต้องทำ มีโอกาสก็ทำ"

-- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๑ ไฟล์ 610603A ซีดีแผ่นที่ ๗๖

CD 76

ทำดี ละชั่ว พัฒนาจิต :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๓ มิ.ย. ๒๕๖๑ (610603A)

งานที่เราจะฝึกตัวเอง งานฝึกจิตใจ มี ๒ งาน
อันหนึ่งเรียกว่า สมถกรรมฐาน
อันหนึ่ง เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน
 
สมถกรรมฐาน เป็นของที่มีประโยชน์
แต่วิปัสสนากรรมฐาน เป็นของที่จำเป็น
ระหว่างมีประโยชน์ กับจำเป็น ไม่เท่ากัน
ของจำเป็น หมายถึง
ถ้าขาดวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ก็คือขาดศาสนาพุทธ
ส่วนสมถกรรมฐาน มีประโยชน์
แต่มีมาก่อนพระพุทธเจ้าอีก คือ การฝึกจิตให้สงบ 
ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้
จะไม่มีคำสอนเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน
ฉะนั้น เราต้องเรียนให้ดี


-- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ไฟล์ 610804A ซีดีแผ่นที่ ๗๗

CD 77

งานฝึกจิตใจ ๒ งาน :: หลวงพ่อปราโมทย์ ๔ ส.ค. ๒๕๖๑ (610804A)

ชาวพุทธเรา เราจะไม่ได้ฝึกสมถกรรมฐาน แค่ให้จิตสงบ 
การฝึกกรรมฐานนั้น ฝึกไปเพื่อเตรียมความพร้อมให้จิต เพื่อจะเจริญปัญญา 
งานหลักของเรา คือการเจริญปัญญา 
งานหลักของเรา ไม่ใช่การทำความสงบ 
ต้องแยกให้ออก งานหลักจริง ๆ คือการเจริญปัญญา หรือการทำวิปัสสนากรรมฐาน 
อันนี้เป็นหลักสูตรเฉพาะของพระพุทธศาสนา ไม่มีในคำสอนที่อื่น

ทีนี้ ก่อนที่จะไปเจริญวิปัสสนาได้ 
จะต้องมีการฝึกสมาธิชนิดหนึ่ง 
สมาธิมีหลายแบบ 
แต่สมาธิที่จะใช้สำหรับการเจริญปัญญา 
เป็นสมาธิที่มีลักษณะเด่น ลักษณะเฉพาะ 
คือสภาวะที่จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว เรียกว่าจิตตั้งมั่น 
ธรรมชาติของจิต มันจะหลงออกไปข้างนอกตลอดเวลา 
เดี๋ยวก็วิ่งไปดู เดี๋ยวก็วิ่งไปฟัง เดี๋ยววิ่งไปดมกลิ่น เดี๋ยววิ่งไปลิ้มรส 
เดี๋ยววิ่งไปรู้สัมผัสทางร่างกาย เดี๋ยววิ่งไปคิดนึกทางใจ 
ธรรมชาติของจิต มันจะวิ่งแส่ส่ายตลอดเวลา เรียกว่ามันฟุ้งซ่าน 
จิตที่ฟุ้งซ่าน มันเรียนรู้ความจริงไม่ได้

เพราะอย่างนั้น จะต้องฝึก 
จนกระทั่งจิตแปรสภาพ จากผู้ร่อนเร่ไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ 
มาเป็นผู้ตั้งมั่น รู้เนื้อรู้ตัวอยู่ เป็นจิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน 
จิตที่เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ครูบาอาจารย์เรียกว่า ตัวพุทโธ

-- หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
วันที่ 13 มกราคม 2562 ไฟล์ 620113 ซีดีแผ่นที่ 80

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลักสูตรเฉพาะของพระพุทธศาสนา :: หลวงพ่อปราโมทย์ 13 ม.ค. 2562 (620113)

พยายามรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง อย่าทิ้งการปฏิบัติ
ไม่มีอะไรทำก็หายใจไป พุทโธไป
หรือบริกรรมอะไรก็ได้ ที่เราถนัด
เจริญเมตตา อะไรก็ได้
หางานให้จิตมันทำ
งานของจิตเรียกว่า กรรมฐาน
งานของจิตมี 2 ส่วน
ส่วนหนึ่ง ทำให้จิตมีเรี่ยวมีแรง มีกำลัง มีความสดชื่น 
เป็นสมถกรรมฐาน
อีกอันหนึ่ง ทำให้จิตฉลาด เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน
เพราะฉะนั้น เรามีงานต้องทำ ไม่ใช่ว่างๆ 
ใจลอยๆ เอ้อระเหยไปวันๆ หนึ่ง
ต้องรู้ว่างานของเรายังไม่เสร็จ
ตราบใดที่ยังมีความทุกข์อยู่ งานยังไม่เสร็จ

ทำอะไรไม่ถูก ก็หายใจไป พุทโธไป หรือบริกรรม
อะไรก็ได้ ให้ใจมันมีที่อยู่
ใจมันมีที่อยู่แล้ว เวลาใจมันหนีไป 
เราก็มีสติรู้ทัน ว่ามันหนีไป
ใจฟุ้งซ่าน รู้ว่าฟุ้งซ่าน ใจสงบ รู้ว่าสงบ
เดี๋ยวมันค่อยมีกำลัง ต่อขึ้นมาเจริญปัญญาได้


-- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
20 พฤษภาคม 2562 ไฟล์ 620520 ซีดีแผ่นที่ 82

CD 82

รู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง :: หลวงพ่อปราโมทย์ 20 พ.ค. 2562 (620520)

ความรู้ความเห็นที่เกิดขึ้นจากการภาวนา
ถ้าไม่เป็นไปเพื่อลดละกิเลส เพื่อเจริญกุศล 
อย่าไปเชื่อมัน ถ้าเชื่อแล้วหายนะ 
กิเลสที่ไม่เคยมี ก็จะมี 
กูเก่งเหนือมนุษย์ธรรมดาขึ้นมาแล้ว
ใครพูดอะไรกูไม่เชื่อแล้ว เพราะกูเชื่อญาณทัศนะของกูเอง
กิเลสมันแรงกว่าเก่า อย่าไปเชื่อมัน
หรือพอเห็นแล้วก็ขวัญหนีดีฝ่อ สติแตก เพี้ยนไปเลย
ฉะนั้น เวลาที่นั่งภาวนาไป ทำสมาธิไปแล้วเกิดนิมิต
ตกใจ ให้ดูว่าจิตตกใจ ดูกลับมาที่จิต
กลัวรู้ว่ากลัว ดีใจรู้ว่าดีใจ 
อย่าเชื่อ ย้อนกลับมาที่จิตตัวเอง 
แล้วจะได้เอาตัวรอดได้
นิมิตปลอม จะหายไป 
นิมิตจริง ก็แค่รู้แค่เห็น 
ก็แค่ผัสสะอันหนึ่ง ที่เราไปรู้ไปเห็นเข้า
อันนี้เป็นศัตรูร้ายของคนที่ทำสมถะ

ส่วนศัตรูร้ายของคนที่ทำวิปัสสนา คือวิปัสสนูปกิเลส
วิปัสสนูปกิเลส เวลาเกิดแล้วมักจะสำคัญว่าบรรลุมรรคผล
หรือสำคัญมั่นหมาย ว่าเป็นพระอรหันต์ 
เวลาวิปัสสนูปกิเลสเกิด จะเป็นได้ถึงขนาดนั้น
เวลานิมิตเกิด ไม่ค่อยสนใจเรื่องมรรคผล
นิมิตมักจะไปเห็นรูป ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ได้รส 
ได้สัมผัสทางกาย เกิดความรู้ความเห็นอะไรแปลกๆ ขึ้นทางใจ
แต่วิปัสสนูปกิเลส เวลาเกิดแล้วมันจะหลงผิด
ว่าบรรลุมรรคผลหรือว่าเป็นพระอรหันต์แล้ว

(2)
เวลาภาวนา ดูรูปนามแสดงไตรลักษณ์ไปเรื่อยๆ
พอสมาธิตก พอสมาธิไม่พอ วิปัสสนูปกิเลสจะเกิดขึ้น
วิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้น เพราะสมาธิไม่พอ ความตั้งมั่นไม่พอ
ส่วนนิมิตเกิดขึ้น เพราะมีสมาธิเล็กน้อย 
มีสมาธินิดหน่อย นิมิตเกิดขึ้น
แต่ถ้าสมาธิไม่พอ จะเกิดวิปัสสนูปกิเลส

-- พระธรรมเทศนาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
30 มิถุนายน 2562 ไฟล์ 620630A ซีดีแผ่นที่ 82

นิมิต วิปัสสนูปกิเลส :: หลวงพ่อปราโมทย์ 30 มิ.ย. 2562 (620630A)

กรอบทั้งหมดของการปฏิบัติที่เราจะต้องฝึกกัน
ก็คือการฝึกเห็นความจริงของกาย ของใจ
เรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน
การทำวิปัสสนาจะทำได้ดี 
ต้องมีพลังของสมาธิ จิตต้องตั้งมั่น
ตัวนี้คือการฝึกสมาธิ
การฝึกสมาธิก็เพื่อจะได้ไปเจริญปัญญา

ไปดูยูทูปที่หลวงพ่อไว้ สอนไว้เยอะแยะแล้ว
แล้วอดทน เฝ้าเรียนรู้สักช่วงหนึ่ง
มาฟังหลวงพ่อครั้งแรกๆ งงทุกราย เก่งมาจากไหนก็งง
เพราะหลวงพ่อไม่ได้สอนว่านั่งยังไง 
เดินยังไง หายใจยังไง
หลวงพ่อสอนหลักของการปฏิบัติจริงๆ
ฟังแล้วมันไม่เคยฟัง มันก็งง
ฟังซ้ำแล้วซ้ำอีก เดี๋ยวก็เข้าใจ
พอเข้าใจแล้ว การปฏิบัติจะสั้นนิดเดียวเลย
คนอื่นเขายังงมทำความสงบอยู่ เราหลุดพ้นไปแล้ว
ทำผิดๆ ก็เสียเวลา

--
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช 
วัดสวนสันติธรรม 
27 พฤศจิกายน 2562 ไฟล์ 621127 ซีดีแผ่นที่ 85

CD 85

กรอบทั้งหมดของการปฏิบัติธรรม :: หลวงพ่อปราโมทย์ 27 พ.ย. 2562 (621127)

มีสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

Popular tracks tagged #วิปัสสนากรรมฐาน